people

Mima Mounds

Mima Mounds [กองเนิน Mima]

กล่าวกันว่านักวิทยาศาสตร์เป็นกลุ่มที่หลงใหลในเรื่องศาสตร์ลึกลับ นักชีววิทยาชื่นชอบการเข้าถึงเซลล์ของมนุษย์ อานุภาคของพระเจ้า นักฟิสิกส์ยังคงค้นคว้ารังสีคอสมิก นักดาราศาสตร์ยังคงค้นคว้าเรื่องหลุมดำ และทั้งหมดก็ยังคงเป็นปริศนากันให้ขบคิด (กันหัวแทบแตก) จนถึงทุกวันนี้ และสิ่งที่จะนำเสนอในวันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ยังคงเป็นปริศนาให้แก่โลกใบนี้ โดยเป็นเรียกว่า “Mima Mounds”

 กองเนินตะปุ่มตะป่ำ Mounds

Mima Mounds (อ่านว่า ไมมา มาวส์) นี้เป็นลักษณะภูมิประเทศที่ตะปุ่มตะป่ำเป็นเนินอย่างที่เห็นในรูปล่ะครับ โดยพบได้ในหลายแห่งของโลก เช่น เคนยา แคนาดา ออสเตรเลีย จีน และแถบตะวันตกเฉียงเหนือของอเมริกาของรัฐแคลิฟอร์เนีย อาร์แคนซัส เท็กซัส หลุยส์เซียน่า และวอชิงตัน

 Mima mounds แบบ original 

โดย Mounds หรือเนินปูดๆ เหล่านี้นั้น มีเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 3-50 ม. สูงประมาณ 30 ซม.- 2 ม. และมีความหนาแน่นตั้งแต่ไม่กี่อันจนถึงมากกว่า 50 mounds ต่อเอเคอร์ โดยชื่อ Mima Mounds นี้ได้มาจากชื่อทุ่งหญ้า Mima Prairie ใน Thurston Country รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา

ความแปลกประการแรกของมันคือ มันมีลักษณะเหมือนกันโดยไม่คำนึงถึงลักษณะที่ตั้ง (ไม่แคร์สื่อว่างั้นเหอะ) โดย mounds ในเคนย่ามีลักษณะใกล้เคียงกับในเม็กซิโกและแคนาดา โดยพบว่า mounds ทั้งหมดจะมีลักษณะเป็นกองดินสูง 6 ฟุต แถมมีลักษณะเรียงกันเป็นแถวที่มีระยะเท่าๆ กันอีกด้วย

 Mima mounds แบบเนินใหญ่

สิ่งที่เป็นปัญหาให้ถกกันเล่นๆ ต่อไปคือ มันคืออะไร? มันมาจากไหน? และทำไปทำไม?

ทฤษฏีที่ดูมีเหตุผลฟังขึ้นบ้างก็ว่า คนพื้นเมืองเป็นคนสร้างมันขึ้นมาโดยลากขยะและดินมากองไว้ แต่มีคนแย้งหนักเหมือนกันว่า
ดูก่อนท่านทั้งหลาย... ไอ้กองดิน mounds นี้มันคนละชนิดกันกับดินที่อยู่ใกล้เคียงนะครับ แถมไม่มีเครื่องบ่งชี้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอันใดเลยด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำพวกเขาจะทำยังไงให้คนที่อยู่ห่างกันไปเป็นพันๆ ไมล์ คนละทวีป คนละโยชน์ เช่น เม็กซิโก จีน เคนย่า ทำเช่นเดียวกันเล่า? --- เป็นอันตกไปครับ

ทฤษฎีต่อไปโดยนาย George Cox ซึ่งเป็นนักสวนสัตว์ San Diego State University บอกว่าหนูที่ชื่อ Pocket gophers ซึ่งมีมีมากมายในแถบอเมริกาเหนือ ขุดดินบริเวณนั้นขึ้นมาเพื่อสร้างที่อยู่ของมัน แต่มีข้อโต้แย้งว่าหนูประเภทนี้ก็ไม่ได้อยู่อาศัยใน mounds นี่นา แถมมันก็ไม่ได้มีอยู่ในจีนหรือเคนย่าด้วย


ทฤษฎีต่อมา ธรรมชาติสร้าง คือลม ฝน และปัจจัยทางธรณีต่างๆ (และพระเจ้า) ช่วยกันสร้างขึ้นมา เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นเขตแห้งแล้งจึงทำให้มีลมกวาดมันขึ้นมาเป็นกองได้ บ้างก็ว่าเกิดจากแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อ 1,000 ปีก่อนมาเขย่าทำให้ดินเทกองรวมกัน บ้างก็ว่าเกิดจากธารน้ำแข็งในยุคโบราณระเหยไปจึงทำให้เป็นหลุม บ้างก็ว่าเคยเป็นดินแดนที่จมอยู่ใต้น้ำ เมื่อน้ำระเหยไปจึงทำให้เกิด สิว บนบนโลก บ้างก็ว่าเกิดจากแร่ธาตุในดินบวมขึ้นมา ฯลฯ


แต่จนแล้วจนรอดยังไม่มีผู้ตอบได้ครับว่า แล้วทำไมต้องมีเฉพาะบางจุดของโลกที่มีลักษณะดินไม่สัมพันธ์กันเลย แถมยังสร้างได้เท่ากันเป๊ะราวกับได้วัดมาอย่างดีแล้วอีกต่างหาก

  
ทฤษฎีต่อไปเลยยกให้เป็นผลงานของสิ่งเหนือธรรมชาติไปซะเลย ให้รู้แล้วรู้รอดไป... จะฝรั่งหรือไทยก็เหมือนกันละ ถ้ายังมืดอยู่ละก็ยกให้เป็นปัญญาของพระเจ้าเถิด :D

---------
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
1. mystic-places.blogspot.com
2. wikipedia.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น