ตอนที่ (3) Stonehenge สร้างขึ้นเพื่ออะไร? (ตอนแรก)
สืบเนื่องจากตอนที่แล้วในเรื่องความลับของการสร้าง Stonehenge จึงทำให้มีคำถามว่า ความจริงแล้ว Stonehenge ถูกสร้างเพื่ออะไร? เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เชี่ยวชาญได้ถกกันมาเยอะมากครับ เอาเป็นว่าผมศึกษามาพบว่า ไว้ 3 ข้อสรุปหลักๆ นะครับ
- ปฏิทินดูกาลโบราณ
ระยะที่ 1 (อายุ 4,900 – 4,950 ปี)
ยังไม่มีหินที่เป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายใดๆ ทั้งสิ้น แต่มีท้องร่องขนาดกว้าง 20 ฟุต เป็นวงกลมล้อมรอบ เส้นผ่าศูนย์กลาง 320 ฟุตชั้นด้านในมีหลุมเหมือนสนามเพลาะขนาด กว้าง 4.5 ฟุต ลึก 7 ฟุต เรียงกันเป็นวงกลม 56 หลุม เรียกว่า Aubrey Holes พบกระดูกสัตว์ ส่วนใหญ่เป็นวัวบริเวณก้นหลุม (อายุกระดูกสัตว์แสดงความเก่ากว่าหลุม 200 ปี) ประเมินได้ว่าก่อนหน้านี้ เป็นสถานประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
ระยะที่ 2 (เริ่มต้นประมาณ 4,900 ปี)
มีการปรับระดับมูลดิน โครงสร้างไม้ปักแสดง เป็นสัญลักษณ์กลุ่มโดยมีเสาไม้ บริเวณทางเข้า ทิศเหนือและทิศใต้ มีช่องทางเดินตามแนวแสงของ ดวงอาทิตย์ (ช่วงกลางฤดูร้อน) บริเวณหลุมพบ โครงกระดูกมนุษย์ไม่น้อยกว่า 200 คน ซึ่งหลงเหลือจากการฌาปนกิจ และเป็นจำนวนมากบริเวณปากหลุม
ระยะที่ 3 (อายุ 3,600 – 4,550 ปี)
เป็นการก่อสร้างโดยตรง นำเสาหิน Bluestone ประมาณ 80 ต้นจัดทำเป็นวงกลม 2 วงซ้อนกัน หินส่วนใหญ่นำมาจาก Carn Meini Quary (
- เทวสถานศักดิ์สิทธิ์
ถือเป็นความเชื่อแรกๆ เลยครับ อันนี้ก็สืบเนื่องมาจากความลี้ลับในการสร้างทำให้เกิดปรากฏการณ์ “วันกลางฤดูร้อน” นอกจากนี้เป็นความเชื่อที่สอดคล้องกับข้อแรกนะครับเนื่องจากสถานที่บูชาในสมัยก่อนถือเป็นที่ติดต่อกับพระเจ้า และมีความเชื่อในเรื่องพลังจักรวาล จึงให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงระหว่างดวงดาว
- มนุษย์ต่างดาวสร้าง เลยไม่รู้ว่าสร้างเพื่ออะไร...ก็ผมเป็นมนุษย์นี่ครับ
ซะงั้น แต่กลุ่มที่เขาเชื่อถือนี้มองว่าทั้งความรู้ขั้นเทพนี้ไม่ธรรมดา (เหมือนกันพวกปิรามิด) อย่าลืมนะครับว่า แม้แต่ในปัจจุบันนี้นักโบราณคดียังคงไม่มีคำตอบว่า เป็นไปได้หรือที่คนยุคโบราณไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือใดๆ จะขนย้ายหินน้ำหนักเป็นตันๆ และการก่อสร้างอย่างเหมาะเจาะ ...ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนโบราณยุค Neolithic นั้น
- หลุมฝังศพกษัตริย์ หรือเป็นอนุสาวรีย์ อันนี้จากตำนานกษัตริย์อาเธอร์ครับ (อันนี้จะนำเสนอตอนถัดไปครับ)
ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับสาเหตุการสร้าง Stonehenge ยังไม่จบแค่นี้นะครับ คราวหน้ามาต่อครับ :D
-------------
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก:
1. www.wikipedia.com
2. www.nationalgeographic.com
3. www.puansanid.com
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น